บรมครูปู่ชีวก


บรมครูปู่ชีวก
พระคาถา อัญเชิญ ดวงจิตวิญญาณปรมาจารย์ทางการแพทย์" ชีวกโกมารภัจจ์" โอม นะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กรุณิโก สัพพะสัทธานัง โอสะถะ ทิพพะมันตัง ประภาโส สุริยาจันทัง โกมารภัจจ์โตประภาเสสิ วันทามิ ปัณฑิโต สุเมทะโส อะโรคา สุมนาโหมิ
( ว่า ๓ ครั้ง )
นะอะ นะวะ โรคา พยาธิ วินาสสันติ
( ว่า ๓ ครั้ง )
ข้าขอประนมหัตถ์ พระไตรรัตน์นาถาตรีโลกอมรา อภิวาทนากรหนึ่ง ข้าอัญชลี พระฤษีผู้ทรงญาณแปดองค์เธอมีญาณโดยรอบรู้ในโรคา ไหว้คุณอิศวเรศ ทั้งพรหมเมศทั่วชั้นฟ้าสาบสรรซึ่งว่านยา ประทาน ทั่วโลกธาตรีไหว้คุณกุมารภัจจ์ ผู้เจนจัดในคัมภีร์เวชศาสตร์บรรดามี ให้ทานทั่วแก่นรชนไหว้ครูผู้สั่งสอน แต่ปางก่อนเจริญผลล่วงลุนิพานดล สำเร็จกิจประสิทธิพรฯ

คำไหว้ครูว่านยา : ชีวกโกมารภัจจ์ ความหมายของคำว่า ชีวกชีวกชื่อหมอใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาและมีชื่อเสียงมากใน ครั้งพุทธกาลเป็นแพทย์ประจำ พระองค์ของพระเจ้าพิมพิสารและพระเจ้าพิมพิสารได้ถวายให้เป็นแพทย์ประจำ พระองค์ของพระพุทธเจ้าด้วย, เรียกชื่อเต็มว่าชีวกโกมารภัจจ์หมอชีวกเกิดที่เมืองราชคฤห์แคว้นมคธเป็นบุตรของนางคณิกา(หญิงงามเมือง)ชื่อว่าสาลวดี แต่ไม่รู้จักมารดาบิดาของตนเพราะเมื่อนางสาลวดีมีครรภ์เกรงค่าตัวจะตกจึงเก็บ ตัวอยู่ครั้นคลอดแล้วก็ให้คนรับใช้เอาทารกไปทิ้งที่กองขยะ แต่พอดีเมื่อถึงเวลา เช้าตรู่ เจ้าชายอภัยโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพิมพิสารจะไปเข้าเฝ้าเสด็จผ่านไปเห็นการุมล้อมทารกอยู่เมื่อทรงทราบว่าเป็นทารกและยังมีชีวิตอยู่จึงได้โปรดให้นำ ไปให้นางนมเลี้ยงไว้ในวัง
ขณะที่ทรงทราบว่า เป็นทารกเจ้าชายอภัยได้ตรัสถามว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่ (หรือยังเป็นอยู่ )หรือไม่และทรงได้รับคำตอบว่ายังมีชีวิตอยู่ (ชีวติ=ยังเป็นอยู่หรือยังมีชีวิตอยู่) ทารกนั้นจึงได้ชื่อว่าชีวก(ผู้ยังเป็น)และเพราะ เหตุที่เป็นผู้อันเจ้าชายเลี้ยงจึงได้มีสร้อยนามว่า โกมารภัจจ์ (ผู้อันพระราชกุมารเลี้ยง)
ครั้นชีวกเจริญวัยขึ้นพอจะทราบว่าตนเป็นเด็กกำพร้าก็คิดแสวงหาศิลปวิทยาไว้เลี้ยง ตัวจึงได้เดินทางไป ศึกษาวิชาแพทย์กับอาจารย์แพทย์ทิศาปาโมกข์ที่เมืองตักสิลา ศึกษาอยู่๗ปีอยากทราบว่าเมื่อใดจะเรียนจบอาจารย์ให้ถือเสียมไปตรวจดูทั่วบริเวณ ๑ โยชน์รอบเมืองตักสิลา เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่ตัวยา ชีวกหาไม่พบกลับมาบอกอาจารย์ ๆ ว่าสำเร็จการศึกษามีวิชาพอเลี้ยงชีพแล้วและมอบเสบียงเดินทางให้เล็กน้อยชีวกเดิน ทางกลับยังพระนครราชคฤห์ เมื่อเสบียงหมดในระหว่างทางได้แวะหาเสบียงที่เมือง สาเกต โดยไปอาสารักษาภรรยาเศรษฐีเมืองนั้นซึ่งเป็นโรคปวด ศีรษะมา ๗ ปีไม่มี ใครรักษาหายภรรยาเศรษฐีหายโรคแล้ว ให้รางวัลมากมาย หมอชีวกได้เงินมา๑๖,๐๐๐ กษาปณ์พร้อมด้วยทาสทาสี และรถม้าเดินทางกลับถึง พระนครราชคฤห์นำเงินและของรางวัลทั้งหมดไปถวายเจ้าชายอภัยเป็นค่าปฏิการะคุณที่ได้ทรงเลี้ยงตนมาเจ้าชายอภัยโปรดให้หมอชีวกเก็บรางวัลนั้นไว้เป็นของตนเองไม่ทรงรับเอาและโปรดให้หมอชีวกสร้างบ้านอยู่ในวังของพระองค์ ต่อมาไม่นานเจ้าชายอภัยนำหมอชีวกไปรักษาโรคริดสีดวงงอกแด่พระเจ้าพิมพิสารจอมชนแห่งมคธทรงหายประชวรแล้วจะพระราชทานเครื่องประดับของสตรี ชาววัง ๕๐๐นางให้เป็นรางวัลหมอชีวกไม่รับขอให้ทรงถือว่าเป็นหน้าที่ ของตนเท่านั้นพระเจ้าพิมพิสารจึงโปรดให้หมอชีวกเป็นแพทย์ประจำพระองค์ประจำฝ่ายในทั้งหมดและประจำพระภิกษุสงฆ์อันมี พระพุทธเจ้าเป็นประมุขหมอชีวกได้รักษาโรคร้ายสำคัญหลายครั้ง เช่น ผ่าตัดรักษาโรคในสมองของเศรษฐีเมืองราชคฤห์ผ่าตัดเนื้องอกในลำไส้ของบุตรเศรษฐีเมืองพาราณสีรักษาโรคผอมเหลืองแด่พระเจ้าจัณฑปัชโชตแห่งกรุงอุชเชนีและถวายการรักษาแด่พระพุทธเจ้าในคราวที่พระบาทห้อพระโลหิตเนื่องจากเศษหินจากก้อนศิลาที่พระเทวทัตกลิ้งลงมาจากภูเขาเพื่อหมายปลงพระชนม์ชีพหมอชีวกได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันและด้วยศรัทธาในพระพุทธเจ้าปรารถนาจะไปเฝ้าวันละ๒-๓ครั้งเห็นว่าพระเวฬุวันไกลเกินไปจึงสร้างวัดถวายในอัมพวันคือสวนมะม่วงของตนเรียกกันว่า ชีวกัมพวัน (อัมพวันของหมอชีวก)เมื่อ พระเจ้าอชาตศัตรูเริ่มน้อมพระทัยมาทางศาสนาหมอชีวกก็เป็นผู้แนะนำให้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยเหตุที่หมอชีวกเป็นแพทย์ประจำคณะสงฆ์และเป็นผู้มีศรัทธาเอาใจใส่เกื้อกูลพระสงฆ์มากจึงเป็นเหตุให้มีคนมาบวชเพื่ออาศัยวัดเป็นที่รักษาตัวจำนวนมากจนหมอชีวกต้องทูลเสนอ พระพุทธเจ้าให้ทรงบัญญัติข้อห้ามมิให้รับบวชคนเจ็บป่วยด้วยโรคบางชนิดนอกจากนั้นหมอชีวกได้กราบทูลเสนอให้ทรงอนุญาตที่จงกรมและเรือนไฟเพื่อเป็นที่บริหารกายช่วยรักษาสุขภาพของภิกษุทั้งหลาย หมอชีวกได้รับพระดำรัสยกย่องเป็นเอตทัคคะในบรรดา อุบาสกผู้เลื่อมใสในบุคคล

หน้าแรก | ดูบทความทั้งหมด
# 2
By หมอยา
On 2010-12-27 12:15:43


# 1
By หมอยา
On 2010-12-27 11:56:17


บทความแนะนำ

รวมบทความ

แปลภาษา
ติดตามข่าวสาร
ติดตามข่าวสารที่ทวิสเตอร์  Page Ranking Tool